ครูบ๊อบ กศน.เขตดุสิต
ภาพกิจกรรม
วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560
วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
รายงานวิชา Get -iT
1 ความเป็นมาของการตลาด
2 พัฒนาการแนวความคิดทางการตลาด (Marketing Development)
3 แนวความคิดทางการตลาดสมัยเก่า-สมัยใหม่
4 ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix)
แนวความคิดทางการตลาด (Marketing Concept)
แนวความคิดทางการตลาด (Marketing Concept) คือ “การที่องค์การใช้ความพยายามทั้งสิ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพื่อมุ่งให้เกิดยอดขายและกำไรในที่สุด”
ในอดีต แนวความคิดด้านการตลาดเป็นแบบเก่าที่เน้นเรื่องการผลิต ผู้ผลิตสินค้ามี น้อยราย ความต้องการสินค้ามีมากกว่าสินค้าที่ผลิตออกมาหรืออุปสงค์ (Demand) มีมากกว่าอุปทาน (Supply) ต่อมาเมื่อมีการผลิตจำนวนมาก (Mass Production) ต้นทุนสินค้าต่ำลง ตลาดก็ขยายตัวขึ้น ความเจริญทางเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น กิจการต่าง ๆ เริ่มหันมาสนใจและเน้นการตลาดมากขึ้น ทำให้แนวความคิดด้านการตลาดเปลี่ยนไปเป็นแนวความคิดด้านการตลาดมุ่งเน้นการตลาดเพื่อสังคม (Societal Marketing Concept)
แนวความคิดด้านการตลาดที่ธุรกิจและองค์การได้ยึดถือและปฏิบัติกันมาซึ่งมีการใช้กันอยู่ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาด ซึ่งต่อไปนี้จะอธิบายถึงแต่ละแนวความคิดโดยจัดเรียงลำดับจากแนวความคิดที่เกิดขึ้นก่อนหลัง
แนวความคิดด้านการผลิต (Production Concept)
เป็นแนวความคิดที่เก่าแก่ที่สุดของฝ่ายขาย โดยคิดว่าผู้บริโภคจะพอใจที่จะหาซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ตนชอบ หาซื้อง่าย และต้นทุนต่ำเท่านั้น ดังนั้นงานด้านการตลาดก็คือ พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น และจัดจำหน่ายอย่างทั่วถึง
แนวความคิดด้านการผลิต มีลักษณะดังนี้
(1)ผู้บริโภคมีความสนใจในสินค้า และราคาของสินค้าที่เสนอขายที่เป็นธรรมและถูกเป็นพิเศษ
(2)ผู้บริโภคไม่เห็นความสำคัญของราคาที่แตกต่างกัน สำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละระดับของบริษัทต่าง ๆ
(3)พยายามลดต้นทุนให้ต่ำ เพื่อดึงดูดและจูงใจผู้บริโภคในด้านราคา
(4)รักษาคุณภาพและปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งการจัดจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
แนวความคิดด้านผลิตภัณฑ์ (Product Concept)
เป็นการสมมติว่าผู้บริโภคจะสนใจในคุณภาพที่ดี ที่สุดของผลิตภัณฑ์ และราคาที่เหมาะสม โดยกิจการใช้ความพยายามในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพ รูปแบบ ส่วนผสม หีบห่อ สี กลิ่น รสชาติ ก็สามารถประสบผลสำเร็จในการขายสินค้าและมีผลกำไรได้
แนวความคิดด้านผลิตภัณฑ์ มีลักษณะดังนี้
(1)ผู้บริโภคให้ความสนใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นอันดับแรก
(2)ผู้บริโภครู้คุณภาพและลักษณะที่แตกต่างกันของสินค้ายี่ห้อต่าง ๆ ที่แข่งขันกันในตลาด
(3)ผู้บริโภคเลือกสินค้ายี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งจากสินค้าที่แข่งขันกัน โดยยึดหลักว่า ได้รับผลตอบแทนในด้านคุณภาพสูงสุดจากเงินที่จ่ายไป
(4)งานขององค์การก็คือ ความพยายามรักษาและปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อดึงดูดและจูงใจผู้บริโภค
แนวความคิดด้านการขาย (Selling Concept)
เป็นการศึกษาด้านการจัดการตลาด โดยเน้นถึงความพยายามของผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ ยึดหลักว่าผู้บริโภคโดยทั่วไปมักจะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท ถ้าไม่ถูกกระตุ้นด้วยความพยายามทางการขายและการส่งเสริมการตลาดอย่างเพียงพอ ตัวอย่าง เช่น การขายบริการประกันภัย ประกันชีวิต การขายผลผลิตทางการเกษตรล่วงหน้า ผู้บริโภคไม่คิดซื้อสินค้าหรือบริการเหล่านั้น จนกว่าจะได้รับการกระตุ้นการขายจากพนักงานขายของบริษัท
แนวความคิดด้านการขาย มีลักษณะดังนี้
(1)ผู้บริโภคโดยทั่วไปจะไม่ซื้อสินค้าเต็มที่ ผู้ขายจึงสามารถกระตุ้นให้ซื้อเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ
(2)ผู้บริโภคจะถูกชักจูงให้ซื้อสินค้าโดยผ่านเครื่องมือกระตุ้นการขายวิธีต่าง ๆ เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การใช้พนักงานขายที่มีความสามารถ ตลอดจนการจัดรายการส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม ชิงโชค เป็นต้น
(3)งานหลักของบริษัท คือ การจัดให้มีแผนกขายที่มีความสามารถดีเด่นเพื่อดึงดูดและชักจูงผู้บริโภค
(4)ผู้บริโภคอาจซื้อซ้ำอีก เพราะมีความต้องการอยู่เรื่อย ๆ หรือถ้าไม่ซื้อซ้ำอีก ก็ยังมีผู้บริโภครายอื่นที่ต้องการซื้อสินค้า
แนวความคิดด้านการตลาด (Marketing Concept)
เป็นการศึกษาด้านการจัดการ โดยยึดหลักว่า งานขององค์การ คือ การพิจารณาความจำเป็นและความต้องการของบริษัทเป้าหมาย และการปรับปรุงการจัดการให้สามารถสนองความพอใจของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่เหนือคู่แข่งขันอื่น หรืออาจกล่าวได้ว่าแนวความคิดด้านการตลาดหมายถึง การค้นหาและการสนองความต้องการของผู้บริโภค
แนวความคิดด้านการตลาด มีลักษณะดังนี้
(1)องค์การที่ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ให้ความพึงพอใจแก่กลุ่มลูกค้าที่ตั้งใจไว้
(2)องค์การจะต้องศึกษาความต้องการของผู้บริโภคเพื่อสร้างความพึงพอใจให้ได้
(3)องค์การต้องตระหนักถึงผู้บริโภคทุกคน ที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงาน
(4)องค์การเชื่อว่า การทำงานที่จะทำให้เกิดความพอใจแก่ผู้บริโภคจะเป็นสาเหตุให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ด้วยความซื่อสัตย์ของบริษัท จะทำธุรกิจดำเนินต่อไปได้ และเป็นที่นิยมในระยะยาว อันเป็นเป้าหมายขององค์การ
แนวความคิดด้านการตลาดเพื่อสังคม (Social Marketing Concept)
เป็นการศึกษาเรื่องความต้องการและการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค โดยคำนึงถึง ความปลอดภัยของสังคมส่วนรวม โดยหวังผลการตอบสนองเป็นเป้าหมายขององค์การที่ต้องการในระยะยาว เพื่อให้องค์การบรรลุเป้าหมาย กิจการต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อปัญหาต่าง ๆ ของสังคมที่เกิดขึ้นอันเนื่องจาการดำเนินงานทางธุรกิจ ได้แก่ ความเสื่อมโทรมของสภาพสิ่งแวดล้อม การเกิดภาวะเงินเฟ้ออันเนื่องมาจากราคาสินค้าเพิ่มขึ้น การขาดแคลนทรัพยากรบางประเภท ปัญหาที่เกิดขึ้นองค์การควรจะมีความรับผิดชอบต่อสังคม และผู้บริโภคทางด้านต่าง ๆ ได้แก่ ไม่ผลิตสินค้าที่ด้อยคุณภาพ ไม่ผลิตสินค้าที่เป็นพิษเป็นภัยต่อประชาชน ไม่ค้ากำไรเกินควร ไม่โฆษณาชวนเชื่อมากเกินไป
แนวความคิดด้านการตลาดเพื่อสังคม มีลักษณะดังนี้
(1)มีลักษณะเหมือนแนวความคิดที่มุ่งการตลาด คือ ต้องพิจารณาถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และพยายามสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ผู้บริโภค
(2)ให้ความสำคัญกับผลกระทบในทางที่ดีต่อสังคมส่วนรวมและสภาพแวดล้อม ซึ่งมีผลไปถึงตัวผู้บริโภคด้วย
จากแนวความคิดทางการตลาดทั้ง 5 แนวความคิดที่กล่าวมาแล้วนั้น ธุรกิจจะยึดถือแนวความคิดใดย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะ สินค้าและตลาดของกิจการ เช่น ถ้าสินค้าของกิจการเป็นสินค้าใหม่สำหรับตลาดหรือสินค้าที่ลูกค้าไม่เห็นความจำเป็นที่จะซื้อ ก็ควรจะยึดแนวความคิดมุ่งการขาย แต่สินค้าอุปโภคบริโภคทั่ว ๆ ไป ที่มีการแข่งขันกันมากในปัจจุบัน ก็ควรจะยึดแนวความคิดมุ่งการตลาด แต่ไม่ว่ากิจการจะยึดแนวความคิดใดก็ตาม สิ่งหนึ่งที่นักธุรกิจควรคำนึงถึงตลอดเวลาคือ ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและสังคมตามแนวความคิดข้างต้น ทั้งนี้เพราะหากกิจการมุ่งแต่จะกอบโกยผลกำไรโดยไม่คำนึงถึงสวัสดิภาพของผู้บริโภคและสังคมแล้ว สักวันหนึ่งกิจการก็จะอยู่ไม่ได้ ด้วยสังคมจะไม่ยอมรับกิจการรวมทั้งสินค้าหรือบริการของกิจการด้วย
2 พัฒนาการแนวความคิดทางการตลาด (Marketing Development)
3 แนวความคิดทางการตลาดสมัยเก่า-สมัยใหม่
4 ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix)
แนวความคิดทางการตลาด (Marketing Concept)
แนวความคิดทางการตลาด (Marketing Concept) คือ “การที่องค์การใช้ความพยายามทั้งสิ้นเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เพื่อมุ่งให้เกิดยอดขายและกำไรในที่สุด”
ในอดีต แนวความคิดด้านการตลาดเป็นแบบเก่าที่เน้นเรื่องการผลิต ผู้ผลิตสินค้ามี น้อยราย ความต้องการสินค้ามีมากกว่าสินค้าที่ผลิตออกมาหรืออุปสงค์ (Demand) มีมากกว่าอุปทาน (Supply) ต่อมาเมื่อมีการผลิตจำนวนมาก (Mass Production) ต้นทุนสินค้าต่ำลง ตลาดก็ขยายตัวขึ้น ความเจริญทางเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มมากขึ้น กิจการต่าง ๆ เริ่มหันมาสนใจและเน้นการตลาดมากขึ้น ทำให้แนวความคิดด้านการตลาดเปลี่ยนไปเป็นแนวความคิดด้านการตลาดมุ่งเน้นการตลาดเพื่อสังคม (Societal Marketing Concept)
แนวความคิดด้านการตลาดที่ธุรกิจและองค์การได้ยึดถือและปฏิบัติกันมาซึ่งมีการใช้กันอยู่ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาด ซึ่งต่อไปนี้จะอธิบายถึงแต่ละแนวความคิดโดยจัดเรียงลำดับจากแนวความคิดที่เกิดขึ้นก่อนหลัง
แนวความคิดด้านการผลิต (Production Concept)
เป็นแนวความคิดที่เก่าแก่ที่สุดของฝ่ายขาย โดยคิดว่าผู้บริโภคจะพอใจที่จะหาซื้อเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ตนชอบ หาซื้อง่าย และต้นทุนต่ำเท่านั้น ดังนั้นงานด้านการตลาดก็คือ พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น และจัดจำหน่ายอย่างทั่วถึง
แนวความคิดด้านการผลิต มีลักษณะดังนี้
(1)ผู้บริโภคมีความสนใจในสินค้า และราคาของสินค้าที่เสนอขายที่เป็นธรรมและถูกเป็นพิเศษ
(2)ผู้บริโภคไม่เห็นความสำคัญของราคาที่แตกต่างกัน สำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละระดับของบริษัทต่าง ๆ
(3)พยายามลดต้นทุนให้ต่ำ เพื่อดึงดูดและจูงใจผู้บริโภคในด้านราคา
(4)รักษาคุณภาพและปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งการจัดจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
แนวความคิดด้านผลิตภัณฑ์ (Product Concept)
เป็นการสมมติว่าผู้บริโภคจะสนใจในคุณภาพที่ดี ที่สุดของผลิตภัณฑ์ และราคาที่เหมาะสม โดยกิจการใช้ความพยายามในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพ รูปแบบ ส่วนผสม หีบห่อ สี กลิ่น รสชาติ ก็สามารถประสบผลสำเร็จในการขายสินค้าและมีผลกำไรได้
แนวความคิดด้านผลิตภัณฑ์ มีลักษณะดังนี้
(1)ผู้บริโภคให้ความสนใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นอันดับแรก
(2)ผู้บริโภครู้คุณภาพและลักษณะที่แตกต่างกันของสินค้ายี่ห้อต่าง ๆ ที่แข่งขันกันในตลาด
(3)ผู้บริโภคเลือกสินค้ายี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งจากสินค้าที่แข่งขันกัน โดยยึดหลักว่า ได้รับผลตอบแทนในด้านคุณภาพสูงสุดจากเงินที่จ่ายไป
(4)งานขององค์การก็คือ ความพยายามรักษาและปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อดึงดูดและจูงใจผู้บริโภค
แนวความคิดด้านการขาย (Selling Concept)
เป็นการศึกษาด้านการจัดการตลาด โดยเน้นถึงความพยายามของผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ ยึดหลักว่าผู้บริโภคโดยทั่วไปมักจะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท ถ้าไม่ถูกกระตุ้นด้วยความพยายามทางการขายและการส่งเสริมการตลาดอย่างเพียงพอ ตัวอย่าง เช่น การขายบริการประกันภัย ประกันชีวิต การขายผลผลิตทางการเกษตรล่วงหน้า ผู้บริโภคไม่คิดซื้อสินค้าหรือบริการเหล่านั้น จนกว่าจะได้รับการกระตุ้นการขายจากพนักงานขายของบริษัท
แนวความคิดด้านการขาย มีลักษณะดังนี้
(1)ผู้บริโภคโดยทั่วไปจะไม่ซื้อสินค้าเต็มที่ ผู้ขายจึงสามารถกระตุ้นให้ซื้อเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ
(2)ผู้บริโภคจะถูกชักจูงให้ซื้อสินค้าโดยผ่านเครื่องมือกระตุ้นการขายวิธีต่าง ๆ เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การใช้พนักงานขายที่มีความสามารถ ตลอดจนการจัดรายการส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม ชิงโชค เป็นต้น
(3)งานหลักของบริษัท คือ การจัดให้มีแผนกขายที่มีความสามารถดีเด่นเพื่อดึงดูดและชักจูงผู้บริโภค
(4)ผู้บริโภคอาจซื้อซ้ำอีก เพราะมีความต้องการอยู่เรื่อย ๆ หรือถ้าไม่ซื้อซ้ำอีก ก็ยังมีผู้บริโภครายอื่นที่ต้องการซื้อสินค้า
แนวความคิดด้านการตลาด (Marketing Concept)
เป็นการศึกษาด้านการจัดการ โดยยึดหลักว่า งานขององค์การ คือ การพิจารณาความจำเป็นและความต้องการของบริษัทเป้าหมาย และการปรับปรุงการจัดการให้สามารถสนองความพอใจของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่เหนือคู่แข่งขันอื่น หรืออาจกล่าวได้ว่าแนวความคิดด้านการตลาดหมายถึง การค้นหาและการสนองความต้องการของผู้บริโภค
แนวความคิดด้านการตลาด มีลักษณะดังนี้
(1)องค์การที่ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ให้ความพึงพอใจแก่กลุ่มลูกค้าที่ตั้งใจไว้
(2)องค์การจะต้องศึกษาความต้องการของผู้บริโภคเพื่อสร้างความพึงพอใจให้ได้
(3)องค์การต้องตระหนักถึงผู้บริโภคทุกคน ที่จะมีผลกระทบต่อการดำเนินงาน
(4)องค์การเชื่อว่า การทำงานที่จะทำให้เกิดความพอใจแก่ผู้บริโภคจะเป็นสาเหตุให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ด้วยความซื่อสัตย์ของบริษัท จะทำธุรกิจดำเนินต่อไปได้ และเป็นที่นิยมในระยะยาว อันเป็นเป้าหมายขององค์การ
แนวความคิดด้านการตลาดเพื่อสังคม (Social Marketing Concept)
เป็นการศึกษาเรื่องความต้องการและการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค โดยคำนึงถึง ความปลอดภัยของสังคมส่วนรวม โดยหวังผลการตอบสนองเป็นเป้าหมายขององค์การที่ต้องการในระยะยาว เพื่อให้องค์การบรรลุเป้าหมาย กิจการต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อปัญหาต่าง ๆ ของสังคมที่เกิดขึ้นอันเนื่องจาการดำเนินงานทางธุรกิจ ได้แก่ ความเสื่อมโทรมของสภาพสิ่งแวดล้อม การเกิดภาวะเงินเฟ้ออันเนื่องมาจากราคาสินค้าเพิ่มขึ้น การขาดแคลนทรัพยากรบางประเภท ปัญหาที่เกิดขึ้นองค์การควรจะมีความรับผิดชอบต่อสังคม และผู้บริโภคทางด้านต่าง ๆ ได้แก่ ไม่ผลิตสินค้าที่ด้อยคุณภาพ ไม่ผลิตสินค้าที่เป็นพิษเป็นภัยต่อประชาชน ไม่ค้ากำไรเกินควร ไม่โฆษณาชวนเชื่อมากเกินไป
แนวความคิดด้านการตลาดเพื่อสังคม มีลักษณะดังนี้
(1)มีลักษณะเหมือนแนวความคิดที่มุ่งการตลาด คือ ต้องพิจารณาถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และพยายามสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ผู้บริโภค
(2)ให้ความสำคัญกับผลกระทบในทางที่ดีต่อสังคมส่วนรวมและสภาพแวดล้อม ซึ่งมีผลไปถึงตัวผู้บริโภคด้วย
จากแนวความคิดทางการตลาดทั้ง 5 แนวความคิดที่กล่าวมาแล้วนั้น ธุรกิจจะยึดถือแนวความคิดใดย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะ สินค้าและตลาดของกิจการ เช่น ถ้าสินค้าของกิจการเป็นสินค้าใหม่สำหรับตลาดหรือสินค้าที่ลูกค้าไม่เห็นความจำเป็นที่จะซื้อ ก็ควรจะยึดแนวความคิดมุ่งการขาย แต่สินค้าอุปโภคบริโภคทั่ว ๆ ไป ที่มีการแข่งขันกันมากในปัจจุบัน ก็ควรจะยึดแนวความคิดมุ่งการตลาด แต่ไม่ว่ากิจการจะยึดแนวความคิดใดก็ตาม สิ่งหนึ่งที่นักธุรกิจควรคำนึงถึงตลอดเวลาคือ ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและสังคมตามแนวความคิดข้างต้น ทั้งนี้เพราะหากกิจการมุ่งแต่จะกอบโกยผลกำไรโดยไม่คำนึงถึงสวัสดิภาพของผู้บริโภคและสังคมแล้ว สักวันหนึ่งกิจการก็จะอยู่ไม่ได้ ด้วยสังคมจะไม่ยอมรับกิจการรวมทั้งสินค้าหรือบริการของกิจการด้วย
ใบความรู้ การพัฒนอาชีพให้มีความมั่่นคง ม.ปลาย
- เรื่องที่ 1 ความหมาย ความสําคัญและความจําเปนของการพัฒนาอาชีพเพื่อความมั่นคง ความหมาย ความสําคัญและความจําเปนของการพัฒนาอาชีพ การพัฒนาอาชีพ หมายถึง การประกอบอาชีพที่มีการพัฒนาสินคาหรือผลิตภัณฑใหตรงกับ ความตองการของลูกคาอยูตลอดเวลา โดยมีสวนครองตลาดไดตามความตองการของผูผลิต แสดงถึง ความมั่นคงในอาชีพ ความมั่นคง หมายถึง การเกิดความแนนและทนทานไมกลับ เปนอื่น ความสําคัญและความจําเปนของการพัฒนาอาชีพ ผูประกอบอาชีพจะตองมีวิสัยทัศนกวางไกล เพื่อพิจารณาแนวโนมของตลาด ความตองการของ ผูบริโภคเขาสูการแขงขันในตลาดใหได จึงจําเปนตองมีการพัฒนาอาชีพ ซึ่งถือวา ลูกคามีความสําคัญ ดังนั้น การพัฒนาอาชีพจึงมีความสําคัญและความจําเปน ดังนี้ 1. เพื่อใหมีสินคาที่ดีตรงตามความตองการของผูบริโภค 2. เพื่อใหผูผลิตไดมีการคิดคนผลิตภัณฑหรือสินคาไดตลอดเวลา 3. มีการนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีเขามาใชในกระบวนการผลิต เพื่อใหสินคามีคุณภาพ ยิ่งขึ้น 4. ทําใหเศรษฐกิจชุมชนและของประเทศดีขึ้น ขอควรพิจารณาในการพัฒนาอาชีพ ในการพัฒนาอาชีพจะชวยใหสามารถแขงขันกับผูอื่นได ขึ้นอยูกับสิ่งตอไปนี้ 1. ผูประกอบอาชีพ ซึ่งอาจจะเปนเจาของธุรกิจ ผูจัดการ ทีมงาน จะตองมีความรูเกี่ยวกับการ พัฒนาอาชีพนั้น ๆ รวมถึงทักษะในอาชีพและประสบการณที่เปนประโยชนตอการพัฒนา อาชีพของตน นอกจากนี้ยังเปนผูรักความกาวหนา ไมหยุดยิ่ง กาวทันกระแสโลก กลาคิด กลาทํา ทันสมัย มองโลกในแงดี 2. ปจจัยการผลิต ไดแก เงินทุน วัตถุดิบ แรงงาน สถานที่ ยอมตองพัฒนาใหมีคุณภาพมากกวา เดิม แตกตางและโดดเดนไปจากคูแขงอื่น ๆ ในตลาดขณะนั้น 3. โอกาสและสภาพแวดลอมทางธุรกิจ เชน มีตลาดรองรับนโยบายของรัฐบาลสงเสริมที่จะทํา ใหธุรกิจเจริญกาวหนา 4. ผลกระทบตอชุมชน สังคม และสิ่งแวดลอม ตองคํานึงถึงผลดีกับทุกฝาย
- 9. 8 เรื่องที่ 2 ความจําเปนของการวิเคราะหศักยภาพธุรกิจ ศักยภาพของธุรกิจ หมายถึง ธุรกิจที่ทุกบุคคลที่มีความสามารถพัฒนาสินคานั้น ๆ ใหอยูใน ตลาดไดอยางมั่นคง ความจําเปนที่จะตองวิเคราะหศักยภาพของธุรกิจ 1. ทําใหสามารถขยายตลาดไดกวางขวางกวาเดิม 2. ทําใหลดความเสี่ยงในการดําเนินธุรกิจ 3. มีแนวทางในการดําเนินงานอยางรอบคอบ ปลอดภัยจากการขาดทุน 4. เปนการสื่อสารเกี่ยวกับทิศทางของธุรกิจใหแกผูเกี่ยวของหรือองคกรที่สนับสนุนเงินให ทราบ เพื่อใหเกิดความมั่นใจ 5. ในการขยายธุรกิจมีความเปนไปได ความคิดรวบยอด องคประกอบที่มีความสัมพันธกับความมั่นคงของอาชีพ จะตองมีความตรงกันกับปจจัย ที่สงผลตอศักยภาพในอาชีพ หากมีองคประกอบที่ไมตรง จําเปนที่จะตองจัดการใหตรงกันหรือสัมพันธ กันก็จะทําใหศักยภาพของอาชีพสูงขึ้น ศักยภาพของอาชีพสามารถบอกเปนตัวเลขและอธิบายสภาพที่ปรากฏไดจะทําใหเรา มองเห็นขอบกพรองและสามารถแกไขขอบกพรองพัฒนาอาชีพสูความมั่นคงได ความหมายของศักยภาพในอาชีพ ศักยภาพในอาชีพ หมายถึง ภาวะแฝงหรืออํานาจแฝงที่มีอยูในปจจัยดําเนินการอาชีพ ไดแก ทุน บุคลากร วัสดุอุปกรณ และระบบการจัดการนํามาจัดการใหตรงกับองคประกอบความมั่นคง ในอาชีพ จะสามารถทําใหอาชีพมั่นคงและปรากฏใหประจักษได ลักษณะโครงสรางของศักยภาพในอาชีพ โครงสรางของศักยภาพในอาชีพ เปนความสัมพันธระหวางการจัดปจจัยดําเนินการของ อาชีพกับองคประกอบของการพัฒนาอาชีพใหมั่นคง มีลักษณะโครงสรางของความสัมพันธ ดังนี้
- 10. 9 ปจจัยนําเขา เพื่อ การขยายอาชีพ ศักยภาพ การขยายอาชีพ ความมั่นคงของ การขยายอาชีพ 1. ทุน 1. การจัดการลดความเสี่ยง 2. บุคลากร ผลผลิต 3. วัสดุอุปกรณ 2. ขอตกลง/มาตรฐาน 4. การจัดการ พัฒนาอาชีพ จากแผนภูมิแสดงโครงสรางศักยภาพการขยายอาชีพสูความมั่นคง มีรายละเอียด ดังนี้ 1. ปจจัยนําเขาเพื่อการขยายอาชีพในแตละปจจัย จะมีตัวแปรรวม ดังนี้ 1.1 ทุน (1) เงินทุน (2) ที่ดิน/อาคารสถานที่ (3) ทุนทางปญญา - การสรางความสัมพันธกับลูกคา - องคความรูที่สรางขึ้น - ภาพลักษณของผลผลิตและสถานประกอบการที่จะสรางความพอใจกับลูกคา 1.2 บุคลากร (1) หุนสวน (2) แรงงาน 1.3 วัสดุอุปกรณ (1) วัตถุดิบ (2) อุปกรณเครื่องมือ 1.4 การจัดการ (1) การจัดการการผลิต (2) การจัดการการตลาด 2. การจัดองคประกอบพัฒนาอาชีพ มีปจจัยและตัวแปร ดังนี้ 1.1 องคประกอบดานการจัดการลดความเสี่ยงผลผลิต (1) ความหลากหลายทางชีวภาพ (2) การเพิ่มผลผลิต (3) การจัดการหมุนเวียนเปลี่ยนรูป (4) การจัดการรายไดใหเวียนกลับมาสูการขยายอาชีพ การจัดองคประกอบ พัฒนาอาชีพ ตรงกัน สัมพันธกัน =
- 11. 10 1.2 ขอตกลง/มาตรฐานพัฒนาอาชีพ (1) คุณภาพผลผลิต (2) การลดตนทุน (3) การสงมอบ (4) ความปลอดภัย 3. ศักยภาพการขยายอาชีพ เปนตัวเลขบงชี้ความตรงกันหรือความสัมพันธระหวาง ปจจัยนําเขา กับ การจัดองคประกอบพัฒนาอาชีพ ดังนี้ 3.1 ประสิทธิภาพรวมของการดําเนินการขยายอาชีพ ซึ่งเปนตัวเลขผันแปร ระหวาง -1 ถึง 1 โดยมีเกณฑการประเมินดังนี้ ต่ํากวา 0.5 = การขยายอาชีพ มีศักยภาพต่ําตองแกไข สูงกวา 0.5 – 0.75 = การขยายอาชีพมีศักยภาพ สูงกวา 0.75 = การขยายอาชีพมีศักยภาพสูง 3.2 ประสิทธิภาพแตละปจจัย ตองมีคา 0.5 ขึ้นไปถึงจะยอมรับได แตถาหากต่ํากวา ก็ควรดําเนินการแกไขพัฒนา
- 12. 11 การวิเคราะหศักยภาพในธุรกิจ ดานการวิเคราะหความตรงกันหรือความสัมพันธกันระหวาง ปจจัยนําเขาดําเนินการขยายอาชีพกับองคประกอบการพัฒนาอาชีพของผูเชี่ยวชาญและผูเกี่ยวของกับการ ประกอบการขยายอาชีพ จํานวน 3 – 5 คน ดําเนินการวิเคราะหแลวนํามาประมวลผล สรุปผล ดังนี้ 1. จัดทําตารางวิเคราะห ดังตัวอยางนี้ ปจจัยนําเขา ขยายอาชีพ องคประกอบ พัฒนาอาชีพ ทุนดําเนินการ บุคลากร วัดสุอุปกรณ การจัดการ ศักยภาพ รายขอ 1 0 -1 1 0 -1 1 0 -1 1 0 -1 1. ความหลากหลาย ทางชีวภาพ 2. การเพิ่มของผลิต 3. การหมุนเวียน เปลี่ยนรูป 4. การจัดการ รายได 5. คุณภาพ ผลผลิต 6. การลดตนทุน 7. การสงมอบ ผลผลิต 8. ความปลอดภัย ศักยภาพรวม
- 13. 12 2. ดําเนินการวิเคราะหเพื่อสรุปศักยภาพการขยายอาชีพดวยการใชผูเชี่ยวชาญ จํานวน 3 – 5 คน ตรวจสอบพิจารณาความตรงกันระหวางองคประกอบพัฒนาอาชีพในแตละขอกับปจจัยนําเขา ขยายอาชีพ โดยมีเกณฑพิจารณาดังนี้ ใหคะแนน 1 หมายถึง มีความตรงกัน สัมพันธกัน ใหคะแนน 0 หมายถึง เฉย ๆ ไมมีความเห็น ใหคะแนน – 1 หมายถึง ไมตรงกัน 3. ดําเนินการประมวลผล เพื่อสรุปผลและอภิปรายผลศักยภาพการขยายอาชีพดวยการ นําผลการวิเคราะหของทุกคนมาคิดหาคาเฉลี่ย ดังตัวอยาง ปจจัยนําเขา ขยายอาชีพ องคประกอบ พัฒนาอาชีพ ทุนดําเนินการ บุคลากร วัดสุอุปกรณ การจัดการ ศักยภาพ รายขอ 1 0 -1 1 0 -1 1 0 -1 1 0 -1 1. ความหลากหลาย ทางชีวภาพ 4 - 1 3 - 2 2 3 - 4 1 - 0.50 2. การเพิ่มของผลิต 5 - - 2 3 - 2 3 - 4 1 - 0.65 3. การหมุนเวียน เปลี่ยนรูป 5 - - 2 3 - 1 4 - 4 1 - 0.60 4. การจัดการ รายได 1 4 - 2 3 - 2 3 - 4 - 1 0.40 5. คุณภาพ ผลผลิต 4 1 - 3 2 - 3 2 - 4 1 - 0.70 6. การลดตนทุน 5 - - 5 - - - 1 4 3 - 2 0.35 7. การสงมอบ ผลผลิต 1 - 4 2 - 3 1 - 4 2 - 3 -0.40 8. ความปลอดภัย 2 3 - 5 - - 3 2 - 5 - - 0.75 0.55 0.45 0.225 0.60 0.365
- 14. 13 ผลการวิเคราะหสามารถอธิบายไดวา (1) ภาพรวมของศักยภาพ มีคะแนน 0.365 อาจบอกไดวา การขยายอาชีพมีศักยภาพไม ถึงเกณฑ (2) เมื่อพิจารณาดานปจจัยนําเขา พบวา ปจจัยดานบุคลากรและวัสดุอุปกรณมีศักยภาพ ไมถึงเกณฑ (3) เมื่อพิจารณาดานองคประกอบพัฒนาอาชีพ พบวา องคประกอบดานการจัดการ รายได การลดตนทุนและการสงมอบผลผลิตมีศักยภาพไมถึงเกณฑ (4) ผลการวิเคราะหอาจสรุปไดวา การขยายอาชีพของผูประกอบการรายนี้ มีศักยภาพ ต่ํากวาเกณฑที่กําหนดจําเปนตองทบทวนพัฒนาใหม การระบุปจจัยและองคประกอบที่มีและไมมีศักยภาพ การระบุปจจัยและองคประกอบที่มีและไมมีศักยภาพได จากการนําผลการวิเคราะหและ ประเมินศักยภาพในธุรกิจมาพิจารณาอภิปรายเหตุและผลที่นําไปสูการพัฒนา ดังขั้นตอนตอไปนี้ 1. ตรวจสอบผลการวิเคราะหองคประกอบที่มีคะแนนต่ํากวาเกณฑที่มีองคประกอบ อะไรบาง 2. พิจารณาองคประกอบที่พบวาต่ํากวาเกณฑแลวนํามาพิจารณาสภาพภายในวา ความ ตรงกับกับปจจัยนําเขาขยายอาชีพมีสภาพเปนอยางไรแลวคิดทบทวนหาเหตุ หาผล วามาจากอะไร ตัวอยางการพิจารณา ปจจัยนําเขา ขยายอาชีพ องคประกอบ พัฒนาอาชีพ ทุนดําเนินการ บุคลากร วัดสุอุปกรณ การจัดการ ศักยภาพ รายขอ 1 0 -1 1 0 -1 1 0 -1 1 0 -1 4. การจัดการรายได 1 4 - 2 3 - 2 3 - 4 - 1 0.40 จากตัวอยาง เราพบวา องคประกอบของการพัฒนาอาชีพในรายการที่ 4 เรื่อง การจัดการ รายได มีคะแนนศักยภาพ 0.40 ต่ํากวาเกณฑที่ยอมรับได จึงจําเปนที่เราตองพัฒนา ดังนั้นจึงหันมาพิจารณา ดานปจจัยนําเขาซึ่งเปนตัวที่มีภาวะแฝงสามารถทําใหอาชีพพัฒนาและปรากฏใหประจักษไดดังนี้ 1. ดานทุนดําเนินการ ที่จะใชขับเคลื่อนการจัดการรายได ขาดความชัดเจน 2. บุคลากรดําเนินการ ผูเชี่ยวชาญมองเห็นวา ไมชัดเจน 3. วัสดุอุปกรณ ผูเชี่ยวชาญมองเห็นวา ไมชัดเจน ทั้ง 3 ปจจัยสงผลตอศักยภาพการจัดการรายได จึงจําเปนตองมีการทบทวนกําหนด แนวทางพัฒนา
- 15. 14 กิจกรรมที่ 1 ใหผูเรียนวิเคราะหศักยภาพธุรกิจของตนเอง หรือธุรกิจของผูประสบความสําเร็จในอาชีพ ตามรูปแบบตารางการวิเคราะหที่กําหนด และประเมินผลดังนี้ 1. ภาพรวมของศักยภาพธุรกิจอยูระดับใด 2. ศักยภาพใดบางที่ถึงเกณฑ และศักยภาพใดบางที่ไมถึงเกณฑ 3. ศักยภาพที่ไมถึงเกณฑทานมีแนวทางในการพัฒนาอยางไร
- 16. 15 เรื่องที่ 3 การวิเคราะหตําแหนงธุรกิจ การเขาสูอาชีพเมื่อดําเนินธุรกิจไปจนประสบผลสําเร็จ มักจะถูกจับตามองทําตามกัน มาก สวนแบงการตลาดจึงมีขนาดเล็กลงโดยลําดับ จนถึงวันหนึ่งจะเกิดวิกฤติจึงมีความจําเปนที่จะตอง พัฒนาหรือขยายขอบขายอาชีพออกไปหรือเรียนรูทําในสิ่งที่คนอื่นทําไมได เพื่อใหอยูไดอยางมั่นคง ยั่งยืน การพัฒนาหรือขยายอาชีพ จะตองวิเคราะหและประเมินศักยภาพของธุรกิจวาอยูในตําแหนงธุรกิจ ระดับใด ดังนี้ 4 ธุรกิจตกต่ําหรือสูงขึ้นถาไมมี การพัฒนาธุรกิจจะเปนขาลง จําเปนตองขยายขอบขาย จึงมีความตองการใชนวตกรรม/ เทคโนโลยีเขามาใชงาน 3 ธุรกิจทรงตัวจะมีผูคนเขามาเรียนรูทําตาม ทําใหเกิดวิกฤติสวนแบงตลาด 2 ธุรกิจอยูในระยะสรางตัว จะมีคนจับตามองพรอมทําตาม 1 ธุรกิจระยะเริ่มตน การพัฒนา แผนภูมิการวิเคราะหตําแหนงธุรกิจ 1. ระยะเริ่มตน เปนระยะเริ่มตนของการทําธุรกิจ จึงตองมีการพัฒนาใหธุรกิจอยูได เปน ระยะที่ผูประกอบการจะตองประชาสัมพันธสินคาและบริการใหลูกคารูจัก 2. ระยะสรางตัว เปนระยะที่ธุรกิจเติบโตมาดวยดี มักจะมีคนจับตามองพรอมคําถาม 3. ระยะทรงตัว เปนระยะที่ธุรกิจอยูนิ่ง ไมมีการขยายตลาด ไมมีการพัฒนา สืบ เนื่องมาจากระยะที่ 3 ที่มีผูประกอบการอื่น ๆ ทําตาม จึงทําใหมีสวนแบงของตลาด 4. ระยะตกต่ําหรือสูงขึ้น เปนระยะที่ถาไมมีการพัฒนาธุรกิจก็จะอยูในขาลง ถามีการ พัฒนาธุรกิจจากระยะทรงตัวก็จะทําใหธุรกิจอยูในขาขึ้น การวิเคราะหศักยภาพธุรกิจบนเสนทางของเวลา เปนการวิเคราะหศักยภาพธุรกิจตามระยะเวลา กับขั้นตอนการทํางานในอาชีพ
- 17. 16 เรื่องที่ 4 การวิเคราะหศักยภาพธุรกิจบนเสนทางของเวลา เสนทางของเวลา หมายถึง วงจรของการประกอบอาชีพ ธุรกิจ สินคาหรือบริการ ในชวงระยะเวลาหนึ่งของการดําเนินการ การวิเคราะหศักยภาพบนเสนทางของเวลา คือ การแยกแยะกระบวนการทางธุรกิจ หรือ การดําเนินการดานอาชีพหรือการประกอบอาชีพ โดยแบงตามชวงระยะเวลาดําเนินกิจกรรม และมี เปาหมาย คือ ผลการประกอบการในชวงเวลานั้น เมื่อเปรียบเทียบชวงกอนหนานี้ จัดอยูประเภทขาขึ้น หรือขาลงในตําแหนงธุรกิจ การวิเคราะหศักยภาพบนเสนทางของเวลา ใหมองเห็นความกาวหนา ความสําเร็จในแต ละภารกิจ ดวยการกําหนดกิจกรรมพรอมกํากับเวลาที่ตองใชจริง เขียนเปนผังการไหลของงานใชเฝาระวัง การดําเนินงาน การจัดทําผังการไหลของงานในแตละภารกิจ ใหกําหนดดังนี้ 1. กําหนดงาน/อาชีพออกเปนเรื่องสําคัญ 2. นํากิจกรรมออกมาจัดลําดับขั้นตอนกอนหลัง 3. นําลักษณะบงชี้ความสําเร็จออกมากําหนดเปนผลการดําเนินงาน จัดทําผังของงานในรูปแบบใดก็ไดที่ผูประกอบอาชีพมีความเขาใจดี ดังตัวอยางการปลูกมะละกอ ชวงเวลา (สัปดาห) 1 2 3 4-14 15 16-24 25 26 การบริหาร จัดการ วางแผน การผลิต เตรียม ปจจัยปลูก จัดจําหนาย สรุป ยอดขาย ขยายอาชีพ ปลูกมะละกอ การผลิต มะละกอ ทํา ปุยหมัก บํารุง ดิน ปลูก มะละกอ บํารุง รักษา เก็บเกี่ยว ปลูก มะละกอ 5 ไร
- 18. 17 การปลูกผักอินทรียใชเวลา 8 สัปดาห การทํางาน มี 2 ลักษณะ คือ การบริหารจัดการและ การปลูกผัก ตองจัดผังใหเห็นการทํางานกอนหลังตั้งแตเริ่มตนจนจบ เพื่อใหมองเห็นเสนทางของการปลูก พืช เราสามารถใชผังการไหล กํากับ ดูแลการขยายอาชีพดวยการ 1. นําผังการไหลของงานติดผนังใหมองเห็น 2. ติดตามระยะเวลาตามผังการไหลของงานวา วันที่กําหนดกิจกรรมดําเนินการเสร็จ หรือไม ถาเสร็จก็ทําเครื่องหมายบอกใหรูวาเสร็จ 3. ถาไมเสร็จผูประกอบการจะตองติดตาม คนหาสาเหตุแลวปฏิบัติการแกไข ขอบกพรอง 4. ดําเนินการปรับระยะเวลาในผังการไหลของงานใหเปนความจริง ประเมินผลการกํากับ ดูแลวา มีสวนใดประสบผลสําเร็จบาง และสําเร็จไดเพราะอะไร เปนเหตุ จากนั้นดูวา สวนใดที่ไมประสบผลสําเร็จและมีอะไรเปนเหตุ นําผลทั้งความสําเร็จและความ เสียหายมาสรุปผล เพื่อนําผลกลับมาแกไขแผนกลยุทธและแผนปฏิบัติการใหมีประสิทธิภาพได กิจกรรมที่ 2 ใหผูเรียนทดลองจัดทําผังการไหลของงานการขยายอาชีพของตนเอง หรืออาชีพของผู ประสบความสําเร็จจากการประกอบอาชีพ
- 19. 18 บทที่ 2 การจัดทําแผนพัฒนาการตลาด สาระสําคัญ การจัดทําแผนพัฒนาการตลาดเปนการพัฒนาการตลาดของสินคาใหสามารถแขงขัน ได โดยการกําหนดเปาหมายและกลยุทธตางๆ เพื่อใหบรรลุเปาหมายทางการตลาดที่กําหนดไว ลักษณะบงชี้ความสําเร็จของการเรียนรู 1. กําหนดทิศทางและเปาหมายการตลาดของสินคาหรือบริการได 2. กําหนดและวิเคราะหกลยุทธสูเปาหมายการตลาดได 3. กําหนดกิจกรรมและแผนการพัฒนาการตลาดได ขอบขายเนื้อหา เรื่องที่ 1 การกําหนดทิศทางการตลาด เปาหมาย กลยุทธในการขยายอาชีพ เรื่องที่ 2 การวิเคราะหกลยุทธ เรื่องที่ 3 การกําหนดกิจกรรมและแผนการพัฒนาการตลาด
- 20. 19 เรื่องที่ 1 การกําหนดทิศการตลาด เปาหมาย กลยุทธในการขยายอาชีพ ความคิดรวบยอด การทําธุรกิจไมวาจะทําระดับใด จําเปนตองมีทิศทางใหมองเห็นผลสําเร็จ ภาระงานที่ จะตองทําและกลยุทธสูความสําเร็จใชเปนความคิดสูการปฏิบัติจริง จะทําใหเราวางธุรกิจอยูในความพอดี อยางมีภูมิคุมกัน ไมใชทําไป คิดไป ลงทุนไป อยางไรทิศทาง ขั้นตอนการดําเนินงาน จากแผนภูมิ ทําใหมองเห็นวาการกําหนดทิศทาง กลยุทธ การขยายอาชีพ ประกอบดวย 1. การคิดเขียนทิศทางธุรกิจ ประกอบดวยวิสัยทัศนที่ตองการใหเกิดอยางมีความพอดี และ พันธกิจสําคัญที่จะนําไปสูความสําเร็จ 2. การคิดเขียนกลยุทธหรือวิธีการสรางความสําเร็จตามพันธกิจ ซึ่งจะมีเปาหมายอยางชัดเจน 3. การคิดเขียนแผนกลยุทธดวยการนําเปาหมายกลยุทธมาวิเคราะหใหมองเห็นตัวบงชี้ ความสําเร็จ ปจจัยนําเขาที่สําคัญ และกิจกรรมที่จําเปนตองทําเปนแผนทิศทางไปสูความสําเร็จของการ ดําเนินธุรกิจ 1. ทิศทางธุรกิจ 2. เปาหมาย 3. แผน วิสัยทัศน พันธกิจ กลยุทธ แผนกลยุทธ 1 2 3
- 21. 20 รายละเอียดการดําเนินงาน 1. การกําหนดทิศทางธุรกิจ เปนการคิดใหมองเห็นอนาคตของการขยายอาชีพใหมีความพอดี จะตองกําหนดใหไดวา ในชวงระยะขางหนาควรจะไปถึงไหน อยางไร ซึ่งประกอบดวย ขอความวิสัยทัศนวาจะไปถึงไหน และ ขอความพันธกิจวาจะไปอยางไร โดยมีวิธีการคิดและเขียนดังนี้ 1.1 การเขียนขอความวิสัยทัศน การขยายอาชีพ มีลักษณะโครงสรางการเขียนที่ประกอบดวย ก. ชวงระยะเวลาที่เราไปสุดทางของการขยายอาชีพในชวงนี้ จะเปนระยะเวลากี่ปพ.ศ.อะไร ข. ความคิด เปาหมาย ลักษณะความสําเร็จที่เราจะไปถึงอยางมีความพอดี และทาทาย ความสามารถของเรา คืออะไร จากขอความวิสัยทัศน ตัวอยางขางตน สามารถจําแนกใหมองเห็นโครงสรางการเขียนไดดังนี้ ก. ชวงระยะเวลาที่จะไปสุดทาง คือ ป พ.ศ. 2551 ข. ขอความ ความคิดลักษณะความสําเร็จที่จะไปถึงอยางมีความพอดีและทาทาย คือไรทน เหนื่อยสามารถผลิตผักสด ผลไม เกษตรอินทรียเขาสูตลาดคุณภาพประเทศสิงคโปรได จึงอาจสรุปไดวาการกําหนดวิสัยทัศนไมใชเปนการกําหนดเพื่อความนาสนใจแตเปนการ กําหนดใหมองเห็นทิศทางของธุรกิจที่เราจะตองฝาฟนอุปสรรคตางๆ ไปใหถึงได 1.2 การเขียนพันธกิจ การเขียนขอความพันธกิจเปนการดําเนินการตอเนื่องจากการกําหนด วิสัยทัศน วา เราจะตองมีภารกิจที่สําคัญ อะไรบาง ที่เราทําใหการขยายอาชีพบรรลุผลสําเร็จ ไดตามวิสัยทัศน โดยมีแนวทางการคิดและเขียนดังนี้ 1.2.1 การวิเคราะหวา หากจะใหเกิดความสําเร็จตามวิสัยทัศน จะตองมีพันธกิจอะไรบาง ในทางธุรกิจมีภาระที่สําคัญ 4 ประการ คือ ก. ภารกิจดานทุนดําเนินการ ข. ภารกิจดานลูกคา ค. ภารกิจดานผลผลิต ง. ภารกิจดานการเรียนรูพัฒนาตนเองและองคกร ดังนั้น การดําเนินการขยายอาชีพอาจใชพันธกิจทั้ง 4กรณีมาคิดเขียนพันธกิจนําไปสูความสําเร็จได 1.2.2 โครงสรางการเขียนพันธกิจมีองคประกอบรวม 3 ดาน คือ ก. ทําอะไร (บอกภาระสําคัญที่กระทบตอความสําเร็จ) ข. ทําไมตองทํา (บอกเหตุผลหรือจุดประสงค) ค. ทําอยางไร (บอกวิธีดําเนินการที่สําคัญ และสงผลตอความสําเร็จจริง) ตัวอยางขอความวิสัยทัศน “ พ.ศ. 2551 ไรทนเหนื่อยผลิตผักสดผลไมเกษตรอินทรียเขาสูตลาดคุณภาพประเทศสิงคโปร
- 22. 21 จากตัวอยางขอความพันธกิจของไรทนเหนื่อย นํามาจําแนกขอความตามลักษณะโครงสรางการ เขียนไดดังนี้ ทําอะไร ทําไมตองทํา ทําอยางไร 1. ขยายพื้นที่การผลิต 20 ไร เพื่อใชผลิตผักสดอินทรีย โดยการพัฒนาคุณภาพดินดวยปุย พืชสด เพิ่มแรงงาน 10 คน จัดหา น้ําวันละ 300 ลูกบาศกเมตร 2. สรางความเชื่อถือใหกับลูกคา เพื่อใหลูกคามั่นใจวาไดบริโภค อาหารคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ดวยการจัดทําเว็บไซดของตนเอง จัดทําสารคดีเผยแพรสัปดาหละ 1 เรื่อง และเว็บบอรดแลกเปลี่ยน เรียนรูกับลูกคา 3. ยกระดับคุณภาพผลผลิตให เปนไปตามมาตรฐานเกษตร อินทรียยุโรป เพื่อใหสามารถสงออกไปสู ประเทศสิงคโปรได ดวยการพัฒนาดินไมใหปนเปอน โลหะหนักตามมาตรฐานพัฒนา ระบบนิเวศแปลงเกษตรใหเปน ระบบนิเวศธรรมชาติ 4. พัฒนาคนงานใหทํางานตาม ขั้นตอนได เพื่อใหสามารถติดตามหา ขอบกพรองและปฏิบัติการแกไข ขอบกพรองได ดวยการสรางความตระหนักให เห็นความสําคัญของมาตรฐาน คุณภาพผลผลิตและรวมเขียน เอกสารขั้นตอนการทํางาน ตัวอยางขอความภารกิจของไรทนเหนื่อย 1. ขยายพื้นที่การผลิต 20 ไร เพื่อใชผลิตผักสดอินทรีย ดวยการพัฒนาคุณภาพดินดวยปุยพืชสด เพิ่มแรงงาน 10 คน จัดหาน้ําใหไดวันละ 300 ลูกบาศกเมตร 2. สรางความเชื่อถือใหกับลูกคา เพื่อขยายการตลาดดวยการจัดทําเว็บไซดของตนเอง จัดทําสารคดี เผยแพร สัปดาหละ 1 เรื่อง และเว็บบอรดแลกเปลี่ยนเรียนรูกับลูกคาและผูสนใจ 3. ยกระดับคุณภาพผลผลิตใหเปนไปตามมาตรฐานเกษตรอินทรียยุโรป เพื่อใหสามารถสงออก ตางประเทศได ดวยการพัฒนาคุณภาพดินไมใหปนเปอนโลหะหนัก และจัดการแปลงเกษตรให เปนระบบนิเวศธรรมชาติ 4. พัฒนาคนงานใหทํางานตามขั้นตอน เพื่อติดตามหาขอบกพรองและปฏิบัติการแกไข ขอบกพรองไดดวยการสรางความตระหนักใหเห็นความสําคัญของมาตรฐานคุณภาพ และรวม เขียนเอกสารขั้นตอนการทํางาน
- 23. 22 จึงสรุปไดวาการขยายอาชีพใหเกิดความพอดีนั้น เปนไปตามศักยภาพของผูประกอบ อาชีพ แตการกําหนดทิศทางขยายอาชีพนั้นตองมองเห็นทิศทางที่จะไปถึงและรูวามีภารกิจอะไรบาง ตอง ทําอยางไรใหมองเห็นรูปธรรมของการขยายอาชีพที่กาวออกไปขางหนา 2. การกําหนดเปาหมายการตลาด เปาหมายการตลาดเพื่อการขยายอาชีพ คือ การบอกใหทราบวา สถานประกอบการนั้น สามารถทําอะไรไดภายในระยะเวลาเทาใด ซึ่งอาจจะกําหนดไวเปนระยะสั้น หรือระยะยาว 3 ป หรือ 5 ป ก็ได การกําหนดเปาหมายของการขยายอาชีพตองมีความชัดเจนสามารถวัดและประเมินผลได การ กําหนดเปาหมายหากสามารถกําหนดเปนจํานวนตัวเลขไดก็จะยิ่งดี เพราะทําใหมีความชัดเจนจะชวยให การวางแผนมีคุณภาพยิ่งขึ้น และจะสงผลในทางปฏิบัติไดดียิ่งขึ้น 3. การกําหนดกลยุทธ การที่จะขยายอาชีพใหบรรลุตามวิสัยทัศน ตองมีแนวทางปฏิบัติสูความสําเร็จ เพื่อชัย ชนะเราเรียกวา กลยุทธ ดังนั้นการกําหนดกลยุทธเพื่อใหการขยายอาชีพสูความสําเร็จจึงกําหนดกลยุทธ จากภารกิจที่จะทําทั้ง 4 ดานตามแนวคิดดังนี้ นําขอความพันธกิจในสวนทําอยางไรมาพิจารณาวามีกิจกรรมที่จะตองทําอะไรบาง 3.1 คิดพิจารณาวา กิจกรรมใดเปนกิจกรรมที่ยุงยากและเปนแกนหลักสําคัญของความสําเร็จใน ภารกิจนี้ จะตองใชเทคนิควิธีอะไรเขามาเปนกลยุทธในการทํางานดังตัวอยาง กิจกรรม สรุปผลการพิจารณา ลําดับ ความสําคัญ เทคนิควิธีการที่จะใช เปนกลยุทธ 1. พัฒนาคุณภาพดิน ดวยปุยพืชสด เปนกิจกรรมที่ตองทํากรอบการ ผลิตเปนระยะๆ อยางตอเนื่อง 1 ใชจอบหมุนฟนดินและ วัชพืชเขาดวยกัน 2. เพิ่มแรงงาน 10 คน เพียงประกาศรับสมัครแลวชี้แจงให ทํางานตามขั้นตอน 3 - 3. จัดน้ําเพิ่มวันละ 300 ลูกบาศกเมตร วาจางผูรับเหมา สํารวจ เจาะหาน้ํา ทําเสร็จแลวก็ใชไดเลย 2 - ตัวอยาง การพิจารณาในสวน ทําอยางไรของพันธกิจที่ 1 มีกิจกรรมที่ตองทําดังนี้ 1. พัฒนาคุณภาพดินดวยปุยพืชสด 2. เพิ่มแรงงาน 10 คน 3. จัดใหมีน้ําใชเพิ่มวันละ 300 ลูกบาศกเมตร
- 24. 23 3.2 สรุป ระบุกลยุทธ และเปาหมายกลยุทธดวยการนําผลการวิเคราะหกําหนดเทคนิควิธีการมา เปนกลยุทธ และนําขอความสวนที่บอกวาทําอะไรมาเปนเปาหมายกลยุทธ ดังตัวอยางนี้ 3.2.1 กลยุทธดําเนินการคือ การใชจอบหมุนพัฒนาคุณภาพดิน 3.2.2 เปาหมายกลยุทธคือ การพัฒนาคุณภาพดิน 20 ไร ตัวอยางผลการพิจารณากําหนดกลยุทธขยายอาชีพเกษตรอินทรียของไรทนเหนื่อยดังนี้ ผลการพิจารณาขอความทํา อยางไร และกําหนดเทคนิควิธีใน กิจกรรมที่สําคัญสงผลตอ ความสําเร็จของภารกิจ ขอความภารกิจในสวน ทํา อยางไร นํามาใชกําหนด เปาหมายกลยุทธ ขอความกลยุทธสูความสําเร็จ ของการขยายอาชีพ 1. ใชจอบหมุนพัฒนาคุณภาพ ดิน ขยายพื้นที่การผลิต 20 ไร ใชจอบหมุนพัฒนาคุณภาพดิน ในการขยายพื้นที่การผลิตจํานวน 20 ไร 2. ใชเว็บไซดเผยแพร สรางความเชื่อถือใหกับลูกคา ใชเว็บไซดเผยแพรความรูเกษตร อินทรีย ความเขาใจทาง อินเตอรเน็ต 3. ใชองคความรูระบบนิเวศ ธรรมชาติ พัฒนาระบบนิเวศ แปลงเกษตร ยกระดับคุณภาพผลผลิตใหได ตามมาตรฐานคุณภาพเกษตร อินทรียยุโรป ใชองคความรูระบบนิเวศ ธรรมชาติยกระดับคุณภาพ ผลผลิตเขาสูมาตรฐานเกษตร อินทรียยุโรป 4. พัฒนาคณะทํางานใหรูเทากัน พัฒนาคนงานใหทํางานตาม ขั้นตอนได ใชเทคนิคการบริหารคุณภาพให คณะทํางานรูเทาทันกัน รวมกัน ทํางานตามขั้นตอนได
- 25. 24 เรื่องที่ 2 การวิเคราะหกลยุทธ ใชเปนแผนภาพรวมของการขยายอาชีพเปนเครื่องมือควบคุมภาพรวมของการจัดการขยาย อาชีพที่ประกอบดวยเหตุผลที่จะทําใหการขยายอาชีพสําเร็จกับองคประกอบดานการควบคุมเชิงกลยุทธ ทําใหเกิด 16 ตาราง บรรจุเงื่อนไขสูความสําเร็จไวสําหรับจัดทําแผนปฏิบัติการ และควบคุมภาพรวมของ การดําเนินงาน ก. องคประกอบดานเหตุผลสูความสําเร็จของการขยายอาชีพประกอบดวย (1) ดานการลงทุน (2) ดานลูกคา (3) ดานผลผลิต (4) ดานการเรียนรูพัฒนาตนเอง ข. องคประกอบดานการควบคุมเชิงกลยุทธประกอบดวย (1) เปาหมายกลยุทธ (2) ตัวบงชี้ความสําเร็จ (3) ปจจัยนําเขาดําเนินงาน (4) กิจกรรม / โครงการที่ตองทํา 3.1 การเขียนแผนกลยุทธทั้งหมดจะตองบรรจุอยูในเอกสารหนาเดียว เพื่อใหมองเห็น ความสัมพันธรวมระหวางตารางทั้ง 16 ตารางดังตัวอยาง ตัวอยางแผนกลยุทธ วิสัยทัศน “ป พ.ศ. 2551 ไรทนเหนื่อยผลิตผักสด ผลไมเกษตรอินทรียเขาสูตลาดอาหารคุณภาพ ประเทศสิงคโปรได
- 26. 25 แผนกลยุทธ เงื่อนไข ภารกิจดานการลงทุน ภารกิจดานลูกคา ภารกิจดานผลผลิต ภารกิจดานการ พัฒนาตนเอง เปาหมายกลยุทธ ขยายพื้นที่การผลิต 20 ไร สรางความเชื่อถือใหกับ ลูกคา ยกระดับคุณภาพ ผลผลิตใหไดตาม มาตรฐานการเกษตร อินทรียยุโรป พัฒนาคนงานใหทํางาน ตามขั้นตอนได ตัวบงชี้ความสําเร็จ - พัฒนาคุณภาพเปนดิน อินทรียครบ 20ไร - โครงสรางดินเปนเมล็ดกลม สีน้ําตาล - ยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจนเต็ม ปริมาณการผลิต - ลูกคาเขามาแลกเปลี่ยน ความเขาใจเกษตรอินทรีย ในเว็บเพจ - ผลการวิเคราะห ผลผลิตไมพบธาตุ โลหะหนักที่ระบุใน มาตรฐาน - ปราศจาก จุลินทรียบูดเนา - คนงานยึดการทําตาม เอกสารคูมือดําเนินงาน - คนงานรูเทาทันกัน ปจจัยนําเขา ดําเนินงาน - จอบหมุนขนาดหนากวาง 120 ซม. - เมล็ดพันธุปุยพืชสด - จุลินทรีย พด.1 พด.2 และ พด.3 - สารคดีการผลิตเกษตร อินทรียไรทนเหนื่อยภาค ภาษาอังกฤษและไทย เมล็ดพันธุ ออกานิค - เอกสารขั้นตอนการ ทํางาน - เอกสารตรวจติดตาม คุณภาพ กิจกรรมโครงการ - กิจกรรมการพัฒนาดินดานปุย พืชสด - สํารวจขุดเจาะบอน้ําบาดาล ขนาด 300 ม3 /วัน - จัดทําสารคดีความรูและ แสดงผลงานเกษตรอินทรีย เดือนละ 1 เรื่อง - ติดตั้งเว็บไซด - จายแจก DVD ความรู เกษตรอินทรียไรทนเหนื่อย - ผลิตเมล็ดพันธุพืชผัก ตัวที่สามารถทําได - ฝกอบรมการทํางาน รวมกัน เพื่อใหมี ความสามารถเทาทันกัน - จัดทําเอกสารขั้นตอน การทํางานในแตละ กิจกรรม - ฝกการใชเอกสาร ขั้นตอนการทํางาน จากตัวอยาง ทําใหมองเห็นสาระสําคัญที่เปนเหตุเปนผลตอความสําเร็จของการขยาย อาชีพเกษตรอินทรียไรทนเหนื่อย
- 27. 26 เรื่องที่ 3 การกําหนดกิจกรรมและแผนการพัฒนาการตลาด การกําหนดกิจกรรมเพื่อพัฒนาการตลาด การตลาดมีความสําคัญมีผลตอการบรรลุเปาหมายสุดทายของการดําเนินธุรกิจ ธุรกิจ ตองเริ่มดวยการศึกษาความตองการที่แทจริงของลูกคา จากนั้นจึงทําการสรางสินคาหรือบริการที่ทําให ลูกคาเกิดความพอใจสูงสุดดวยการคํานึงถึงในเรื่องตอไปนี้ 1. กิจกรรมการพัฒนาสินคาใหตรงกับความตองการของลูกคา 2. กิจกรรมดานราคาผูผลิตตองกําหนดราคาที่เหมาะสมกับกําลังซื้อของผูบริโภค และ เหมาะสมกับคุณภาพของสินคา 3. กิจกรรมดานสถานที่ ตองคิดวาจะสงของสินคาใหกับผูบริโภคไดอยางไร หรือตองมี การปรับสถานที่ขาย ทําเลที่ตั้งขายสินคา 4. กิจกรรมสงเสริมการขาย จะใชวิธีการใดที่ทําใหลูกคารูจักสินคาของเรา การวางแผนพัฒนาการตลาด ผูผลิตตองนํากิจกรรมตาง ๆ มาวางแผนเพื่อพัฒนาตลาด เพื่อนําสูการปฏิบัติ ดังตัวอยาง แผนพัฒนาการตลาดสินคาผงซักฟอก ที่ กิจกรรมที่ตองดําเนินการ แผนการพัฒนาการตลาด ป 2554 ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. 1 2 3 4 5 กําหนดทิศทางการพัฒนา การตลาด - วิสัยทัศน - พันธกิจ กําหนดเปาหมายการตลาด กําหนดกลยุทธสูเปาหมาย วิเคราะหกลยุทธ ดําเนินการ - การโฆษณา - การประชาสัมพันธ - การทําฐานขอมูลลูกคา - การสงเสริมการขาย - การกระจายสินคา ฯลฯ
- 28. 27 กิจกรรมที่ 1 ใหผูเรียนกําหนดทิศทาง เปาหมาย กลยุทธในการขยายอาชีพ และกําหนดกิจกรรม และวางแผนการพัฒนาตลาดสินคาของผูเรียนหรือสินคาที่สนใจ ลงในตารางที่กําหนดขึ้น 1. ทิศทางธุรกิจในการขยายอาชีพ.................................................................................... ..................................................................................................................................................................... 2. เปาหมายธุรกิจในการขยายอาชีพ................................................................................ ..................................................................................................................................................................... 3. กลยุทธในการขยายอาชีพ............................................................................................. ..................................................................................................................................................................... กิจกรรมและแผนการพัฒนาการตลาด อาชีพ/สินคา.......................................................................... ที่ กิจกรรมที่ตองดําเนินการ แผนการพัฒนาการตลาด ป 2554 ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
- 29. 28 บทที่ 3 การจัดทําแผนพัฒนาการผลิตหรือการบริการ สาระสําคัญ การพัฒนาการผลิตหรือการบริการเกิดจากการกําหนดคุณภาพผลผลิตหรือการบริการ วิเคราะหทุนปจจัย กําหนดเปาหมาย กําหนดแผนกิจกรรม เปนการพัฒนาระบบการผลิตหรือการบริการ ลักษณะบงชี้ความสําเร็จของการเรียนรู 1. อธิบายการกําหนดคุณภาพผลผลิตหรือการบริการ 2. สามารถวิเคราะห ทุนปจจัยการผลิตหรือการบริการ 3. กําหนดเปาหมายการผลิตหรือการบริการ 4. กําหนดแผนกิจกรรมการผลิต 5. พัฒนาระบบการผลิตหรือการบริการ ขอบขายเนื้อหา 3.1 การกําหนดคุณภาพผลผลิตหรือการบริการ 3.2 การวิเคราะหทุนปจจัยการผลิตหรือการบริการ 3.3 การกําหนดเปาหมายการผลิตหรือการบริการ 3.4 การกําหนดแผนกิจกรรมการผลิต 3.5 การพัฒนาระบบการผลิตหรือการบริการ
- 30. 29 เรื่องที่ 1 การกําหนดคุณภาพผลผลิตหรือการบริการ หนวยนี้จะเปนการเรียนรูตอเนื่องจากหนวยที่ 2 ซึ่งมีการกําหนดทิศทาง เปาหมาย กล ยุทธทางการตลาดแลว ดังนั้นในหนวยนี้จะเปนการกําหนดคุณภาพผลผลิตหรือการบริการใหสอดคลอง กับความตองการของตลาดขึ้นอยูกับเปาหมาย คือ ลูกคา เปนกลุมใด วัยใด เพศใด อาชีพใด มีระดับ การศึกษาใด การกําหนดคุณภาพผลผลิต ความหมายของคุณภาพ ความหมายของคุณภาพ ถูกกําหนดขึ้นตามการใชงานหรือตามความคาดหวังของผู กําหนด เชน มีความเหมาะสมกับการใชงาน มีความทนทาน ใหผลตอบแทนสูงสุด บริการดีและ ประทับใจหรือเปนไปตามมาตรฐานที่ตั้งใจไว แบงเปน 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. คุณภาพตามหนาที่ หมายถึง ประสิทธิภาพการทํางาน ความเหมาะสมในการใชงาน ความทนทาน เชน พัดลมเครื่องนี้มีมอเตอรที่สามารถใชไดอยางตอเนื่องถึง 24 ชั่วโมง 2. คุณภาพตามลักษณะภายนอก หมายถึง รูปรางสวยงาม สีสันสดใส เรียบรอย เหมาะ กับการใชงาน โครงสรางแข็งแรง ผลิตภัณฑสวนใหญมักเนนคุณภาพภายนอก โดยเนนที่สีสันสดใส หรือรูปลักษณใหโดดเดนเพื่อดึงดูดความสนใจของผูซื้อ ในอดีตคุณภาพมักจะถูกกําหนดขึ้นจากความตองการของผูผลิต แตปจจุบันสภาพการ แขงขันในตลาด มีมาก หากคุณภาพไมตรงกับความตองการของผูซื้อ การผลิตสินคาและบริการก็อาจจะ ตองลมเลิกกิจการไป ดังที่ไดเกิดขึ้นมาในปจจุบัน สินคาบางประเภทแขงขันกันที่คุณภาพ บางประเภท แขงขันกันที่ราคาแตบางประเภทแขงขันกันที่ความแปลกใหม ดังนั้นการผลิตหรือใหบริการใดๆ จะตองมี การศึกษาสภาพตลาดอยางรอบคอบ เพื่อกําหนดคุณภาพ ขั้นตอนการกําหนดคุณภาพ การกําหนดคุณภาพมีความสําคัญอยางยิ่ง เพราะการกําหนดคุณภาพไมไดกําหนดจาก บุคคลใด บุคคลหนึ่ง หรือกลุมคน หรือสถาบันเทานั้น แตการกําหนดคุณภาพตองคํานึงถึงคนหลายกลุม หลายสถาบัน การกําหนดคุณภาพสินคาและบริการ มีขั้นตอนดําเนินการ 3 ขั้นตอน ไดแก 1. การศึกษาความตองการของผูใชสินคาและบริการอยางกวางขวางและครอบคลุมผูซื้อ หรือผูใชบริการที่มีความหลากหลาย 2. การออกแบบผลิตภัณฑหรือพัฒนาผลิตภัณฑใหสอดคลองกับความตองการที่ศึกษา มาอยางจริงจัง 3. จัดระบบการผลิตและควบคุมระบบการผลิตใหไดผลผลิตที่มีคุณภาพ
- 31. 30 การกําหนดคุณภาพการบริการ การบริการ หมายถึง การใหความชวยเหลือ หรือการดําเนินการเพื่อประโยชนของผูอื่น การบริการที่ดี ผูรับบริการก็จะไดรับความประทับใจ และชื่นชมองคกร ซึ่งเปนสิ่งดีสิ่งหนึ่งอันเปนผลดี กับองคกรของเรา เบื้องหลังความสําเร็จเกือบทุกงาน มักพบวางานบริการเปนเครื่องมือสนับสนุนงาน ดานตาง ๆ เชน งานประชาสัมพันธ งานบริการวิชาการ เปนตน ดังนั้น ถาบริการดี ผูรับบริการเกิดความ ประทับใจ เกิดภาพลักษณที่ดีตอองคกร (อาศยา โชติพานิช. ออนไลน, 2533) คุณภาพของงานบริการ (Service Quality) ปจจัยที่บงชี้คุณภาพของการบริการ ไดแก 1. สามารถจับตองได โดยปกติบริการเปนสิ่งที่จับตองไมได ทําใหการรับรูในคุณภาพ คอนขางไมชัดเจน ดังนั้น บริการที่ดีควรสรางหลักฐานใหเห็นชัดเจนวา บริการนั้นมีคุณภาพหลักฐานที่ จะสรางนั้น ไดแก อาคาร อุปกรณ เครื่องอํานวยความสะดวก และบุคลากร เชน การจัดที่นั่งคอยการ บริการ การบริการอยางดี 2. นาเชื่อถือ ในที่นี้หมายถึง ความถูกตองในการคิดคาบริการ รานอาหารที่คิดราคาตรง กับจํานวนอาหารที่ลูกคาสั่ง ลูกคายอมใหความเชื่อถือ และจะกลับไปรับประทานอาหารที่รานนั้นอีก ตรงกันขามกับรานอาหารที่คิดเงินเกินกวาความเปนจริง ยอมทําใหลูกคาหมดความเชื่อถือ และไม กลับไปใชบริการที่รานอาหารนั้นอีก เปนตน 3. มีความรู ผูใหบริการที่มีคุณภาพตองเปนผูมีความรูในเรื่องนั้น เชน ชางซอมรองเทา ตองมีความรูในเรื่องการซอมรองเทา ทาทางขณะซอมรองเทา ตองดูวามีความสามารถ มีความ กระฉับกระเฉง คลองแคลว ซึ่งทําใหผูเอารองเทาไปซอมเกิดความมั่นใจ เปนตน 4. มีความรับผิดชอบ ตัวอยางเชน อูซอมรถยนตสัญญากับลูกคาวา จะซอมรถยนตให เสร็จภายใน 3 วัน อูแหงนั้นจะตองทําใหเสร็จภายในเวลา 3 วัน ชางซอมทีวีที่ซอมผิด ทําใหทีวีเสีย ตอง รับผิดชอบใหอยูในสภาพที่ดี โดยไมปดความผิดใหเจาของทีวี 5. มีจิตใจงาม ผูใหบริการที่มีคุณภาพตองเปนผูมีจิตใจงาม จึงจะเปนผูกระตือรือรนใน การใหบริการผูอื่น เต็มใจชวยเหลือโดยไมรังเกียจ กิจกรรมที่ 1 ใหผูเรียนกําหนดคุณภาพผลผลิตหรือการบริการที่สอดคลองกับความตองการของกลุมลูกคาของ อาชีพที่ผูเรียนดําเนินการหรืออาชีพที่สนใจลงในแบบบันทึก
- 32. 31 เรื่องที่ 2 การวิเคราะหทุนปจจัยการผลิตหรือการบริการ ทุน หมายถึง เงินลงทุนในการดําเนินงานธุรกิจ(ผลิตหรือบริการ) ทุนถือวาเปนปจจัยสําคัญในการประกอบกิจการอาชีพใหดําเนินงานไปอยางมีประสิทธิภาพ และมีความเจริญเติบโตอยางตอเนื่อง ตนทุนการผลิต หมายถึง ทุน ในการดําเนินกิจการ แบงได 2 ประเภท คือ 1. ทุนคงที่ คือการที่ผูประกอบการจัดหาทุน เพื่อใชในการจัดหาสินทรัพยถาวร เชน ดอกเบี้ยเงินกู ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร เปนตน ทุนคงที่ สามารถแบงได 2 ลักษณะ คือ 1.1 ทุนคงที่ที่เปนเงินสด เปนจํานวนเงินที่ตองจายเปนคาดอกเบี้ยเงินกู เพื่อนํามาใช ในการดําเนินงานธุรกิจ 1.2 ทุนคงที่ที่ไมเปนเงินสด ไดแก พื้นที่ อาคารสถานที่ โรงเรือน รวมถึงคาเสื่อม ของเครื่องจักร 2. ทุนหมุนเวียน คือ การที่ผูประกอบการจัดหาทุน เพื่อใชในการดําเนินการจัดหา สินทรัพยหมุนเวียนเชนวัตถุดิบในการผลิตผลผลิตหรือการบริการวัสดุสิ้นเปลืองคาแรงงานคาขนสงคา ไฟฟาคาโทรศัพท เปนตน ทุนหมุนเวียนแบงออกเปน 2 ลักษณะ คือ 2.1 ทุนหมุนเวียนที่เปนเงินสด ไดแก 2.1.1 คาวัสดุอุปกรณในการประกอบอาชีพ ดังนี้ 1) วัสดุอุปกรณอาชีพในกลุมผลิตผลผลิต เชน งานอาชีพเกษตรกรรม เชน คา ปุย พันธุพืช พันธุสัตว คาน้ํามัน เปนตน 2) วัสดุอุปกรณอาชีพในกลุมบริการ เชน อาชีพรับจางซักรีดเสื้อผา เชน คา ผงซักฟอก คาน้ํายาซักผา เปนตน 2.1.2 คาจางแรงงาน เปนคาจางแรงงานในการผลิตหรือบริการ เชน คาแรงงานใน การไถดิน คาจางลูกจางในรานอาหาร 2.1.3 คาเชาที่ดิน/สถานที่ เปนคาเชาที่ดิน/สถานที่ในการประกอบธุรกิจ 2.1.4 คาใชจายอื่นๆ เปนคาใชจายในกรณีอื่นที่นอกเหนือจากรายการตาง ๆ 2.2 ทุนหมุนเวียนที่ไมเปนเงินสด ไดแก คาใชจายในครัวเรือน เปนแรงงานในครัวเรือนสวนใหญ ในการประกอบการ ธุรกิจจะไมนํามาคิดเปนตนทุน จึงไมทราบขอมูลการลงทุนที่ชัดเจน โดยการคิดคาแรงในครัวเรือน กําหนดคิดในอัตราคาแรงขั้นต่ําของทองถิ่นนั้นๆ
- 33. 32 คาเสียโอกาสที่ดิน กรณีเจาของธุรกิจมีที่ดินเปนของตนเอง การคิดตนทุนใหคิด ตามอัตราคาเชาที่ดินในทองถิ่นหรือบริเวณใกลเคียง ในการดําเนินกิจการงานอาชีพ การบริหารเงินทุนหรือดานการเงินนั้น เปนสิ่งที่ ผูประกอบการตองใหความสําคัญเปนอยางมาก เพราะมีผลตอความมั่นคงของอาชีพวาจะกาวหนาหรือ ลมเหลวได ดังนั้น การใชทุนแตละชนิดตองผานการวิเคราะหวา จะตองใชชนิดใด คุณภาพอยางไร ปริมาณเทาไร จึงจะเหมาะสมกับอาชีพ กิจกรรมที่ 2 ใหผูเรียนกําหนดปจจัยการผลิต พรอมวิเคราะหถึงเหตุผลในการใชปจจัยแตละชนิดในงานอาชีพ ที่ผูเรียนดําเนินการเองหรืออาชีพที่สนใจ ปจจัยการผลิต เหตุผลในการใชปจจัยนั้น ๆ รายการ จํานวน
- 34. 33 เรื่องที่ 3 การกําหนดเปาหมายการผลิตหรือการบริการ เปาหมายการผลิตหรือการบริการ เปนคําตอบสําหรับผูประกอบการตองการมากที่สุดโดยมี ปจจัยที่ทํา ใหประสบความสําเร็จประกอบดวยปจจัยตอไปนี้ 1. การกําหนดกลุมลูกคาเปาหมายใหชัดเจน 2. เสริมสรางสวนประสมทางการตลาด 3. คํานึงถึงสภาวะแวดลอมที่ควบคุมไมได 4. สามารถตอบคําถามตอไปนี้ไดทุกขอ ในสวนของลูกคา ประกอบดวย 1. ใครคือ กลุมลูกคาเปาหมายสําหรับผลผลิตที่ผลิตขึ้นหรือการบริการ 2. ลูกคาเปาหมายดังกลาวอยู ณ ที่ใด 3. ในปจจุบันลูกคาเหลานี้ซื้อผลผลิตหรือการบริการไดจากที่ใด 4. ลูกคาซื้อผลผลิตหรือการบริการบอยแคไหน 5. อะไรคือสิ่งจูงใจที่ทําใหลูกคาเหลานั้นตัดสินใจใชบริการ 6. ลูกคาใชอะไร หรือทําไมลูกคาถึงใชผลผลิตหรือบริการของเรา 7. ลูกคาเหลานั้นชอบและไมชอบผลผลิตหรือบริการอะไรที่เรามีอยูบาง ในสวนของผลผลิตหรือการบริการ ประกอบดวย 1. ลูกคาตองการผลผลิตหรือบริการอะไร 2. ลูกคาอยากจะใหมีผลผลิตหรือบริการในเวลาใด 3. เฉพาะการบริการ ควรตั้งชื่อวาอะไร เพื่อเปนสิ่งดึงดูดใจไดมากที่สุด นอกจากนี้ ผูประกอบการตองคํานึงและพิจารณาถึงความเปนไปได และองคประกอบดานอื่นๆที่ สําคัญที่เกี่ยวของตางๆ ดวยดังนี้ 1. แรงงาน ตองใชแรงงานมากนอยเทาไร ปจจุบันมีแรงงานเพียงหรือไม ถาไมเพียงพอจะทํา อยางไร 2. เงินทุน
แบบฝึกหัดการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
สาระ การประกอบอาชีพ
รายวิชา พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
บทที่ 1 ศักยภาพธุรกิจ
เรื่องที่ 1
ความหมาย ความสำคัญ ความจำเป็นของการพัฒนาอาชีพ
เรื่องที่ 2
ความจำเป็นของการวิเคราะห์ศักยภาพธุรกิจ
คำชี้แจง
: จงเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด
1.
จงอธิบายความสำคัญในการพัฒนาอาชีพ มาพอสังเขป
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
2.
คุณลักษณะที่สำคัญในการพัฒนาอาชีพ ได้แก่
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
3.
หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาชีพ
ได้แก่
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
4.
การพัฒนาอาชีพ มีความสำคัญและก่อให้เกิดประโยชน์แก่องค์การและตนเอง
อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
5.
โดยทั่วไปการวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์
แบ่งการวิเคราะห์ออกเป็น ......... ส่วน ได้แก่
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
6.
โอกาสทางธุรกิจ
เป็นการแสดงข้อมูลหรือภาพทางการตลาดในปัจจุบัน ซึ่งสื่อให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาด
กลยุทธ์ธุรกิจ เป็นการอธิบายให้เห็นถึงแนวทางและจุดแข็งของธุรกิจ/โครงการ
ในการบริหารโครงการ ซึ่งประกอบด้วย
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
.
ใบงานที่ 2
สาระ การประกอบอาชีพ
รายวิชา พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
บทที่ 1 ศักยภาพธุรกิจ
เรื่องที่ 3 การวิเคราะห์ตำแหน่งธุรกิจ
เรื่องที่ 4
การวิเคราะห์ศักยภาพธุรกิจบนเส้นทางของเวลา
คำชี้แจง
: จงเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด
1.
การวิเคราะห์ตำแหน่งธุรกิจ หมายถึง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.
วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ มี ....... ระยะ ดังนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.
สภาพแวดล้อมทางธุรกิจแบ่งออกเป็น ........ ประเภท
ดังนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4.
จงอธิบายสภาพแวดล้อมที่ไม่สามารถควบคุมได้ มาพอสังเขป
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 3
สาระ การประกอบอาชีพ
รายวิชา พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
บทที่ 2. การจัดทำแผนพัฒนาการตลาด
เรื่องที่ 1 กำหนดทิศทางการตลาด
เรื่องที่ 2 กำหนดเป้าหมายการตลาด
เรื่องที่ 3 กำหนดกลยุทธ์สู่เป้าหมาย
คำชี้แจง : จงเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด
1.
แนวคิดในการกำหนดทิศทางการตลาด ประกอบด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.
การกำหนดตลาดเป้าหมาย (Market Targeting) หมายถึง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.
กลยุทธ์การเลือกตลาดเป้าหมาย ประกอบด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4.
การเลือกใช้กลยุทธ์การแบ่งส่วนทางการตลาด (Segmentation)
มีอยู่ ....... วิธี ดังนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 4
สาระ การประกอบอาชีพ
รายวิชา พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
บทที่ 2. การจัดทำแผนพัฒนาการตลาด
เรื่องที่ 3 วิเคราะห์กลยุทธ์
เรื่องที่ 4 กำหนดกิจกรรมและแผนการพัฒนาการตลาด
คำชี้แจง : จงเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด
1.
“SWOT” มาจากตัวย่อภาษาอังกฤษ
4 ตัว ได้แก่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.
ให้นักศึกษาเลือกกลยุทธ์หรือกลวิธีในการขาย
ที่คิดว่าสามารถทำให้การขายประสบผลสำเร็จโดยระบุเหตุผลประกอบ มาพอสังเขป 1 กลยุทธ์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ให้นักศึกษาอธิบายองค์ประกอบในกิจกรรมและแผนการพัฒนาการตลาดที่สำคัญ
ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 5
สาระ การประกอบอาชีพ
รายวิชา พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
บทที่ 3. การจัดทำแผนพัฒนาการผลิตหรือการบริการ
เรื่องที่ 1
การกำหนดคุณภาพการผลิตหรือการบริการ
เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์ทุนปัจจัยการผลิตหรือการบริหาร
เรื่องที่ 3
การกำหนดเป้าหมายการผลิตหรือการบริการ
คำชี้แจง
: จงเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด
1.
คุณภาพแบ่งออกเป็น ...... ลักษณะ ดังนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.
การวางแผนทางการผลิตและการบริการ มี ....... ขั้นตอน
ดังนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.
ทุนปจจัยการผลิตหรือการบริการ มี ...... ประเภท
ดังนี้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4.
ปัจจัยที่ทําใหการกำหนดเป้าหมายการผลิตหรือการบริการประสบความสําเร็จ
ประกอบด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 6
สาระ การประกอบอาชีพ
รายวิชา พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
บทที่ 3. การจัดทำแผนพัฒนาการผลิตหรือการบริการ
เรื่องที่ 4 กำหนดแผนกิจกรรมการผลิต
เรื่องที่ 5 พัฒนาระบบการผลิตหรือการบริการได้
คำชี้แจง
: จงเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด
1.
องค์ประกอบของกระบวนการผลิต ประกอบด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.
องค์ประกอบของกระบวนการตลาด ประกอบด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.
ระดับของแผนงานกลยุทธ์สำหรับองค์การธุรกิจ
ประกอบด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 7
สาระ การประกอบอาชีพ
รายวิชา พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
บทที่ 4. การพัฒนาธุรกิจเชิงรุก
เรื่องที่ 1
ความจำเป็นและคุณค่าของธุรกิจเชิงรุก
เรื่องที่ 2 การแทรกความนิยมเข้าสู่ความต้องการของผู้บริโภค
คำชี้แจง
: จงเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด
1.
ธุรกิจ หมายถึง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.
การดำเนินการทางธุรกิจมีคุณค่าต่อบุคคล ชุมชน สังคม
และประเทศ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.
แรงจูงใจซื้อ สามารถจำแนกลักษณะตามสาเหตุ ได้อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 8
สาระ การประกอบอาชีพ
รายวิชา พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
บทที่ 4. การพัฒนาธุรกิจเชิงรุก
เรื่องที่ 3 การสร้างรูปลักษณ์คุณภาพสินค้าใหม่
เรื่องที่ 4 การพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
เข้มแข็ง ยั่งยืน
คำชี้แจง
: จงเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.
การพัฒนาผลิตภัณฑ์มี ..... ขั้นตอน ดังนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3.
การผลิตตามทฤษฎีใหม่สามารถเป็นต้นแบบการคิดในการผลิตที่ดีได้
อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 9
สาระ การประกอบอาชีพ
รายวิชา พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
บทที่ 5. โครงการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
เรื่องที่ 1
การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของแผนปฏิบัติการต่าง ๆ
เรื่องที่ 2 การเขียนโครงการการพัฒนาอาชีพ
คำชี้แจง
: จงเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด
1.
การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของแผนการตลาดและการผลิตหรือการบริการให้ประสบความสำเร็จ
สามารถอธิบายได้ในรูปแบบกระบวนการในการบริหารตลาดออกเป็น .... ขั้นตอน ดังนี้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.
องค์ประกอบการเขียนโครงการ ประกอบด้วย
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 10
สาระ การประกอบอาชีพ
รายวิชา พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย
บทที่ 5. โครงการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง
เรื่องที่ 3 การตรวจสอบความเป็นไปได้ของโครงการ
(Feasibility)
เรื่องที่ 4 ปรับปรุงโครงการพัฒนาอาชีพ
คำชี้แจง
: จงเติมข้อความลงในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์ที่สุด
1.
รายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการควรประกอบด้วย
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แบบทดสอบ วิชา
พัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคง ม.ปลาย
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1.
งานหัตถกรรม จัดอยู่ในอาชีพประเภทใด
ก.
อาชีพอิสระ
ข.
อาชีพรับจ้าง
ค.
อาชีพงานฝีมือ
ง.
อาชีพงานบริการ
2.
ระยะสร้างตัว เป็นช่วงวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ระยะใด
ก.
ระยะที่ 1
ข.
ระยะที่ 2
ค.
ระยะที่ 3
ง.
ระยะที่ 4
3.
การจัดทำวัตถุประสงค์
เป้าหมายและกลยุทธ์การตลาด หมายถึง
ก.
กลยุทธ์การตลาด
ข.
การวางแผนการขาย
ค.
การวางแผนการตลาด
ง.
การวางแผนกลยุทธ์การตลาด
4.
การวิเคราะห์งานกับการบริหารทรัพยากรข้อใดเป็นกระบวนการแรก
ก.
การสรรหาคัดเลือก
ข.
การบริหารงานอาชีพ
ค.
การวางแผนกำลังคน
ง.
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
5.
การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการหรือมาซื้อสินค้า
หมายถึง
ก.
คุณภาพ
ข.
คุณภาพตามหน้าที่
ค.
คุณภาพในการบริการ
ง.
คุณภาพตามลักษณะภายนอก
6.
ข้อใดไม่ใช้องค์ประกอบกระบวนการผลิต
ก.
ทุน
ข.
แรงงาน
ค.
สถานที่
ง.
ผลิตภัณฑ์
7.
ในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางการตลาดโดยทั่วไปใช้ทฤษฎีใด
ก.
PDCA
ข.
SWOT
ค.
POSDCORB
ง.
ถูกทุกข้อ
8.
ข้อใดไม่ใช้วิธีการสร้างการลงทุน
ก.
การใช้ความพอเพียง
ข.
การออมโดยการบังคับ
ค.
การประหยัดรายได้พิเศษ
ง.
การรู้จักการทำงบประมาณ
9.
การศึกษาลู่ทางความเป็นไปได้
ข้อใดเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
ก.
ปัจจัยการผลิต
ข.
ทำเลที่ตั้งโรงงาน
ค.
ลักษณะผลิตภัณฑ์
ง.
ลักษณะทางการตลาด
10.
ข้อใดเป็นเหตุผลที่ต้องจัดทำการวิเคราะห์
ก.
การสร้างตัวบ่งชี้
ข.
การหาผู้ดำเนินงาน
ค.
การจัดรูปแบบองค์กร
ง.
การเสนอแผนการตลาด
ชื่อ ..........................................
สกุล ...................................... รหัสนักศึกษา ....................................
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)